เขียนโดย พี่BaNK นิสิตแพทย์ มศว ปี 2
สวัสดีครับน้องๆ รู้สึกพี่จามาโพสช้าไปนิด (เหอๆช้าไปนิดเลยช่วงยื่นคะแนนมาแล้วสินะ) แต่พี่ก็ยังอยากให้น้องได้อ่าน เผื่อน้องๆจะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย อาจใช้เรื่องราวการดำเนินชีวิตของพี่เป็นข้อคิดก็ได้
พี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้มาสัมผัสชีวิต
แพทย์ มศว ที่นี่ ชีวิตพี่นั้นไม่เคยนึกไม่ฝันเลยว่าจาได้มาเป็นนิสิตแพทย์ ตอนนั้นใจจริงคืออยากเป็นเด็กวิศวะ โดยมุ่งเป้าหมายเบนเข็มมาที่ วิศวะจุฬา พี่คิดอย่างงี้มาตั้งแต่ ม.5 ขนาดในfriendship เพื่อนๆยังเขียนว่า
“หวังว่าจาได้เจอเธอในวิศวะCUนะ เพราะเราก็จาเข้าเหมือนกาน”
“ก็ให้เอนติดวิศวะสมใจนะจ๊ะ อิอิ”
“ดีใจจังเลย ติดที่เดวกับเราเลย ไม่เหงาแล้วมีเพื่อนรร.เดียวไปด้วย สงสัยเรา 2 คนต้องทำความรู้จักกันให้มากขึ้นแล้วนะจ๊ะ จุ๊บๆ” (ช่วงหลังแต่งคำพูดเอง55)
(เหอๆกำโดยแท้ ) พอเอนครั้งแรกประกาศ คะแนนพี่ก็ติดวิศวะจุฬาแล้ว หุ หุ มิได้โม้นะ คะแนนพวกฟิสิกส์กะความถนัดวิศวะถือว่าดีมาก แต่คะแนนหมอนะเหรอ เหอๆ เข้าขั้นฉิบหายเลยครับ อย่างชีวะเนี้ยได้แค่ 40 คะแนนสังคมยังไม่ถึง 50 เลย แง้วๆ แต่ก็มะได้คิดอารายติดวิศวะสมใจแล้วนิ 555 จาได้เที่ยวแล้ว (555 หัวเราะกะตัวเอง) ตอนนั้นท่านแม่ก็เม้าไปทั่วทั้งหมู่บ้านแล้วว่า
“ลูกช้านเอนติดวิศวะจุฬา” โดยใช้เวลากระจายข่าวไม่ถึงชม. น่าอัศจรรย์นัก !!!
พอมาเทอม2กำลังจาเอนครั้งที่2 จู่ๆชาตะ เห้ยชะตาชิวิตก็พลิกผัน จู่ๆทางคณะแพทย์ มศว ก็โทรมาที่บ้านบอกว่าพี่สอบติดสอบตรงโควต้าแพทย์ มศว. ที่พี่เคยไปสอบไว้เล่นๆเพื่อลองข้อสอบเผื่อจาคล้ายข้อสอบENT เอาแล้วสิแล้วทำไงล่ะทีนี้ ตอนที่รู้ข่าวพี่ก็ยังเฉย มิได้คิดไรเพราะใจมานเป็นเด็กวิศวะไปเกินครึ่งดวงแล้ว ผิดกับท่านแม่เมื่อทราบข่าว ตาของเธอก็ลุกวาวขึ้นมาทันทีเหมือน ไฟที่ปะทุออกมาหลังจากได้เชื่อไฟ วันรุ่งขึ้นพี่ก็ไปเรียนพิเศษตามปกติที่สถาบันกวดวิชาที่พี่ไม่ขอไม่สงวนนาม
“เคมีท่านอาจารย์อุ๊” คิดว่าน้องๆหลายคนคงรู้จัก น้องๆอาจจาสงสัยว่าทำไมพี่คะแนนเอนติดวิศวะแล้วทำไมจึงยังไปเรียนก็เพราะ พี่อยากให้คะแนนเอนครั้งที่2มานได้เลขสวยๆขึ้นกว่าเดิมนั้นเอง วันนั้นพี่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงชอบกล ท้องฟ้าช่างดูอึมครึม รู้สึกว่าร่างกายมานแปลกๆไม่เหมือนเดิม ตาขวาขยิบด้วย 55เริ่มเวอร์ พี่มองไปข้างหลังห้องก็เห็นเงาดำของ หญิง ร่างหนึ่งปรากฎอยู่หลังกระจกทึบแสงของcenterกวดวิชา เงานั้นคุ้นตามากๆสักพักเสียงโทรศัพท์ของพี่ก็ดังขึ้น ก็เลยรู้ว่าเงานั้นคือท่านแม่นี่เองท่านมาเพื่อตามให้ข้าพเจ้าออกไปโดยบอกว่า
“ไม่ต้องรงไม่ต้องเรียนอะไรเนี้ยแล้ว ติดโควต้าแพทย์ มศว แล้ว แม่จาให้เข้าเรียนที่นี่ออกมาเดียวนี้นะ”(เช่นเดิมเรื่องที่ข้าพเจ้าติดแพทย์ก็รู้ไปทั่วทั้งหมู่บ้านในเวลาไม่ถึง ครึ่ง ชม.)
ตอนนั้นในจิตใจพี่รู้สึกสับสน อีกทั้งยังโกรธมาก แม่มีสิทธิอะไรมากำหนดเส้นทางชีวิดของพี่ พี่ก็ไม่ออกไปหาแม่ นั่งเรียนต่อไป คิดในใจอยากยืนรอก็ยืนไปเด่(โคตรเลวเลยเรา)พอกลับถึงบ้านก็ทะเลาะกะแม่ทันที พ่อเหรอ...ก็พวกท่านแม่นั้นแหละไม่ต้องถาม ทั้งๆที่ตอนแรกพ่อก็ให้อยากเรียนวิศวะ (บ้านของพี่อยู่ในห่วงโซ่อาหารที่
เมียเป็นผู้ล่าอันดับสุดท้าย ส่วนพี่ก็คงอยู่ในห่วงโซ่อาหารลำดับล่างสุด -_-\") การทะเลาะของพี่กับแม่ก็ทวีความรุนแรงขึ้นๆทุกวัน ช่วงนั้นพี่ไม่คุยกะแม่เลย (เฮ้อ ทำไม่เราเลวอย่างนี้) ในที่สุดไอเดียหนึ่งก็ปิ้งขึ้นมาในหัว
“ไปขอให้ครูแนะแนวที่รร.มาช่วยพูดกะท่านแม่สิ ท่านจาได้เข้าใจหัวอกของคนเปนลูกบ้าง โอ้ช่างเป็นความคิดที่เยี่ยมอะไรเช่นนี้” ตัดสินใจได้ดังนั้นก็เดินทางไปพบอาจารย์แนะแนวทันที แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง อาจารย์ก็บอกว่าเข้าใจแล้ว นึกในใจ เย้ๆอาจารย์จาช่วยแล้ว แต่เปล่าเลยอาจารย์กลับบอกว่า
“นี่เธอเป็นหมอเนี่ยสิดี รู้ไหมหมอเนี้ยนะ
พระเจ้าเลยนะขอบอก ทั้งมีเกียรติ ทั้งมีคนนับถือเกรงใจ”
ไหนเปนแบบนี้ซะงั้นอ่ะ ก็เลยกลับบ้านด้วยความ
เซ็ง ขณะกลับบ้านผ่านร้านหนังสือ เห็นหนังสือชื่อ
“รักลูกให้ถูกทาง” ในใจนึกซื้อให้แม่ไปอ่านดีไหมวะ ตัดสินใจได้ดังนั้น ก็เลยซื้อมา พอกลับถึงบ้านแม่ก็ซื้อหนังสือมาให้เหมือนกัน หนังสือชื่อว่า
“ชีวิตไม่ลับนักศึกษาแพทย์” เวนกำจิงๆ แล้วพี่กับแม่ก็ทะเลาะกันต่อไป จนกระทั่งทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นแตกหัก
ท้ายที่สุดเมื่อพี่ได้เห็นหยาดน้ำใสๆ ไหลรินออกมาจากเป้าตาของท่านแม่ ท่านแม่ก็เป็นฝ่ายชนะ (เอ้อ ทำไมกุโคดเลวเลยวะ ทำแม่ร้องไห้)
T_T นึกแล้วก็เศร้าใจ
พี่ก็เลยยอมตกลงปลงใจอยู่ในคณะแพทย์ มศว แห่งนี้ ส่วนท่านแม่ก็ยิ้มระรื่นชื่นบาน ปากไปถึงหูแหนะ 55 เริ่มเวอร์อีก แต่เมื่อเข้ามาเรียนที่นี่ทำให้พี่ได้พบอะไรมากมาย ได้พบเพื่อนดีๆ ได้ประสบการณ์ต่างๆ ได้ทำกิจกรรมมากมาย ได้รับรู้ถึงชีวิตการเปนนิสิตแพทย์ พี่รู้สึกดีใจมากที่ได้เลิกเดินมาเส้นทางสายนี้ พี่รู้สึกไม่เสียดายเลยที่ไม่ได้ไปเป็นวิศวะ ตอนนี้พี่เพียงแค่อยากขอบคุณ และ ขอโทษคุณแม่ก็เท่านั้นเอง
หือๆเศร้าใจ จบแล้วเรื่องราวของพี่สนุกกันไหมคราบ พี่ก็อยากให้น้องก่อนจาเลือกเรียนอะไรก็คิดให้ดีก่อน เพราะสิ่งที่น้องเลือกเรียน ก็คืออาชีพของน้องในอนาคต ถ้าน้องเข้าไปเรียนไม่ว่าคณะใดมหาลัยใดก็ตาม แล้วน้องรู้สึกไม่มีความสุข ก็อย่าทนกับมัน ออกไปหาสิ่งที่ดีกว่า เพราะน้องจาต้องอยู่กับมันไปถึงครึ่งค่อนชีวิตของน้อง ก็จริงเราควรเลือกเรียนสิ่งที่ใจเราชอบ ใจเราอยาก แต่พี่ก็ขอให้ฟังคุณพ่อคุณแม่ของเราไว้บ้าง ท่านเหล่านั้นอาบน้ำร้อนมาก่อนเรา ท่านหวังดีต่อเราทั้งนั้น ไม่มีพ่อแม่ที่ไม่หวังดีต่อเราหรอก
พี่ก็ไม่อยากให้น้องเสียเวลาไปปีหนึ่งแล้วซิ่วออกมา เหมือนเพื่อนพี่หลายๆคน เพื่อนพี่บางคนเรียน สถาปัตแต่ปีนี้ก็ต้องซิ่วไปบัญชี เรียนวิศวะก็ซิ่วไปหมอ หรือแม้แต่เพื่อนที่คณะพี่ที่ตอนนี้ drop ไปแล้ว 1 คน สิ่งที่พี่พยายามบอกก็คือ อาชีพที่เราคิดว่าเราชอบจริงๆ จริงๆแล้วอาจจะมะช่ายตัวเราก็ได้นะ แล้วก็อาชีพที่เราคิดว่าไม่ช่ายก็อาจจะช่ายก็ได้ จนกว่าเราจะได้สัมผัสด้วยตัวเองเอง
ส่วนน้องๆ ที่ตัดสินใจแล้วว่าจาเลือกเรียนแพทย์ ตัดสินใจแล้วว่าจาเดินมาตามเส้นทางสายนี้ ก็อยากให้น้องตระหนักไว้ว่า ไม่ว่าน้องจะเรียนแพทย์ที่ไหนก็ตาม แต่เมื่อจบมาเราก็มี
ศักดิ์ศรีของความเป็นแพทย์เท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับตัวเราเองเท่านั้นว่าจะเป็นแพทย์ที่ดีได้ รึปล่าว ไม่มีคนไข้คนไหนถาม หรอกว่า “คุณหมอค่ะ จบที่ไหนมาค่ะ”
ทางเดินที่น้องเลือกในวันนี้ จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของน้องไปตลอดชีวิต ใครที่มีใจชอบจริงก็มาเรียนเถอะ แต่ถ้าใจมันไม่รัก ก็อย่าฝืน ทำตามความต้องการของใครเลย ชีวิตเป็นของเรานะ ดูทุกอาชีพให้ดีว่ามีอาชีพไหนที่เรา
มองข้ามไปหรือเปล่า ไม่งั้น เด๋วจะมาเสียใจตอนหลังนะ T_T
ขอให้น้องทุกคนโชคดี พบกับสิ่งที่ตัวเองชอบ และเรียนทางนั้นได้ดีที่สุดนะคราบ..... PS. สำหรับน้องๆที่กลัวว่าเข้าแพทย์ไปแล้วจาเรียนไม่ไหว ไม่ต้องกังวลเอนครั้งที่2 ชีวะพี่ได้ห่วยกว่าเดิมอีก 38 เอง 555 เข้าไปก็ไปนับ1 ใหม่ด้วยกัน ขนาดพี่ห่วยๆมะค่อยตั้งใจเรียนเท่าไร วิชาคณะ
Human Cell Biology ก็ได้บีล่ะ หง่า ปี2จาตั้งใจเรียนมากกว่านี้คราบบ
c(^_^) ส่วนเรื่องราวชีวิตการเรียนของ
แพทย์ มศวพี่ก็ไม่ขอกล่าวถึงมากเพราะเพื่อนพี่เขียนไปหมดแล้ว ไปอ่านในบทความ
“พี่หมอ มศวเล่าเรื่อง”ของพี่ปูเป้นะคราบ โชคดีนะคราบน้องๆ
^^ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ZoNE คำถามยอดHiT c(^_^)* Q: พี่ค่ะ หนูอยากเรียนหมอ แต่กลัวเลือด แล้วหนูจะเรียนได้ไหมค่ะ ? GoDGiLaคุง: ใครที่คิดว่าจะเรียนแพทย์ไม่ได้เพราะกลัวว่าจะต้องเห็นเลือด ก็ไม่ต้องกังวลกันนะครับ เรียนกันได้ทุกคน ถ้าน้องไม่ได้เป็นคนที่แค่เห็นเลือดเป็นอันต้องเป็นลมไปซะทุกครา... เรื่องปัญหากลัวเลือดก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลอะไร^_^
อย่างเมื่อตอนที่พี่ไปเจออาจารย์ใหญ่ทีแรกก็ตกกะใจอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นพี่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 1 กำลังสดเป็น Freshy สดได้ที่เชียวละ 555 ตอนนี้ก็ยังสดอยู่นะ O_o อิอิ(แค่ปี 2 เอง) วันนั้นพี่ได้ข่าวมาว่าพี่ปี 2 ณ เวลานั้น จะทำการเอาท่านอาจารย์ใหญ่เข้าสู่ตึกอาคารกายวิภาคศาสตร์ อาคารนี้ก็เป็นอาคารสูง 7 ชั้น
ชั้น 7 ก็จะเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่มีระบบแสง สี เสียง เพรียกพร้อมไว้ทำพิธีสำคัญต่าง ๆ
ชั้น 6 เป็นห้องเรียนของนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 2-3
ชั้น 5 ห้องเก็บอาจารย์ใหญ่ที่อุตสาห์สละร่างกายและชิ้นส่วนมาให้เราศึกษากัน ซึ่งยังใช้เป็นสถานที่ให้เราเรียนและชำแหละท่านอาจารย์อีกด้วย วิชาชีพแพทย์จะเรียนกับอาจารย์ใหญ่ทั้งตัว ผิดกับทันตะที่จะเรียนแค่ครึ่งบนอย่างเดียว เราจะต้องเรียนทุกระบบของร่างกายมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นกระดูก กล้ามเนื้อ สมอง เส้นเลือด แต่ละคนจะได้รับอาจารย์ใหญ่เป็นของตัวเอง อาจารย์ใหญ่ 1 ท่าน ต่อ 1 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็ประมาณ 3- 4 คน พอหมดปีร่างของอาจารย์ใหญ่ที่สมบูรณ์ก็จะไม่เหลือกลายเป็นชิ้นๆ แล้วเราก็จะมีพิธีทำบุญให้ท่านเหล่านั้นกัน
ชั้นที่ 4 ก็จะเป็นห้องพักของอาจารย์
ชั้นที่ 3 จะเป็นห้อง Lab
ชั้น 2 เป็นที่ทำการสำหรับผู้มาติดต่อ และมีพิพิธพันธ์กายวิภาคศาสตร์
และชั้นสุดท้ายชั้นที่ 1 เป็นชั้นที่ไว้สำหรับดองอาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่ทุกคนที่เข้ามาจะต้องผ่านการดองในสระฟอมารีนทุกคน
วันนั้นพี่ก็อยากดูอาจารย์ใหญ่จึงเข้าไปช่วย เดินตามพี่ๆเข้าไปในห้องดองจนเห็นสระฟอมารีน พี่ก็ก้มลงไปมองเพื่อจะดูอาจารย์ใหญ่ให้ได้ชัดๆ พี่ก็มองไม่เห็นเนื่องจากมันมืดและท่านอาจารย์ก็จมอยู่ พี่จึงพยายามกวาดสายตาไปทั่วๆเพื่อหาร่างนั้น
เอ๋... ขาอยู่ไหนนะ ตรงนี้แน่เลย ว่าแล้วก็ก้มลงไปดู
ผลุด.. หัวอาจารย์ใหญ่ผลุดขึ้นมาจากน้ำจากบริเวณที่คิดว่าจะเป็นขา เหอๆ ขวัญกระจายหลอนไปหลายวันเลยล่ะ แต่หลังจากนั้นพอได้เห็นได้อยู่กับท่านอาจารย์ใหญ่บ่อยๆเข้าก็จะ
ชินเองครับน้อง ตอนนี้เห็นก็ไม่กลัวแล้ว หุ หุ ^^
มีเรื่องอยากระบาย มีอยู่วันหนึ่งพี่เดินผ่านโรงอาหารที่เพ่งสร้างใหม่ มีบอร์ดแผนที่มหาลัยติดอยู่ พี่ก็ดูเล่นไปเรื่อยๆ ตึกศิลปกรรมอาคารมนุษย์ศาสตร์ ตึก15 จนมาถึงอาคารกายวิภาคศาสตร์รู้ไหมมันเขียนว่าอะไร มันเขียนว่า
อาคารดองศพ ฟังแล้วรู้สึก hurt จังเลย แง้วๆ
******************************************************************************************************************
Q: พี่ค่ะ ถ้าอยากเรียนหมอเเต่ไม่เก่งอังกฤษจะเรียนได้ไหมคะ? GoDGiLaคุง: ไม่เก่งก็เรียนได้นะ แต่อาจจะลำบากหน่อยตอนอ่าน Text เป็นภาษาอังกฤษหมดเลยนะ พี่ว่าขยันวิชานี้ไปก็ไม่เสียหายนะ ได้ใช้ทั้งตอนทำคะแนนENT เข้ามาก็ได้ใช้อีก วิชาอังกฤษสำคัญนะ การเรียนในมหาลัยทุกคณะส่วนใหญ่ sheet ที่อาจารย์ให้ก็มักจะเป็นภาษาอังกฤษหมด ขยันวิชานี้ไว้รับรองอนาคตได้ใช้แน่นอน ^^
*******************************************************************************************************************
Q: พี่ค่ะแล้วเรียนหมอนั้นต้องเรียนอะไรมั่งเหรอ ? GoDGiLaคุง: การเรียนแพทย์นั้นก็จะแบ่งการเรียนออกเป็น 2 ช่วงนะคราบ
ช่วงแรกก็คือ
พรีคลีนิก ปี1-2-3 ก็เหมือนจะเป็นการวางรากฐานวิชาแพทย์ให้ก่อน
แต่ปี 1 ไม่น่าจะนับรวมซักเท่าไร ปี 1 เป็นน้องใหม่ที่ใครๆ ในคณะก็จะจับตามอง เข้ามาแรกๆ น้องจะโดนอัดกระแทกด้วยกิจกรรมมากมายมหาศาลที่เตรียมการมาเป็นเวลาแรมปี ให้กับน้องๆ ตั้งแต่ รับน้อง แนะนำตัว กิจกรรมเชียร์รวม เชียร์คณะ กีฬาFreSHYฯลฯ ช่วงสัปดาห์แรกๆ น้องก็จะเหนื่อยไปตามๆ กันถึงหอปุ๊บหลับเป็นตาย ปี 1 วิชาที่เรียนส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆกะที่เรียน ม.ปลาย มีฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แต่จะลงลึกมากขึ้นเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะไปเรียนกับคณะสายวิทย์อื่นๆ ไม่ยากๆ ช่วงปี 1 นี้เวลาว่างจะเยอะมาก อยากทำอะไรก็ทำไปเลย
พอเข้าปี 2-3 ก็จะเริ่มเรียนวิชาคณะกันจริงๆแล้วนะ วิชาที่เรียนก็ได้แก่
GROSS ANATONY ถือเป็นตัวละครเอกของชั้นปี 2 เลยด้วยค่าตัวถึง 5 หน่วยกิจ วิชานี้จะเรียนเกี่ยวกับอวัยวะและโครงสร้างของร่างกายที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า น้องๆจะเจอะหน้าท่านอาจารย์ใหญ่ของน้องๆเป็นครั้งแรก
MICROANATOMY (HISTOLOGY) วิชาว่าด้วยโครงสร้างของร่างกายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า พวก cell เนื้อเยื่อต่างๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือกล้องจุลทรรศน์คู่กายที่ทางภาควิชาใจดีให้น้องๆยืมกันไปคนละเครื่องเลย โดยพึงระลึกไว้เสมอว่าถ้าพังหรือหายก็..60000 นะคราบ -_-\" สิ่งที่สำคัญเลยก็คือสายตาอันคมกริบของน้องๆที่จะ identify สิ่งต่างๆในสไลด์
BIOCHEMISTRY น้องๆจะได้ศึกษาเกี่ยวกับปฏิกิริยาต่างๆที่เกิดขึ้นในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั้งชั้นสูงและต่ำ ส่วนใหญ่จะเน้นในร่างกายมนุษย์มากกว่า
PHYSIOLOGY เป็นวิชาที่เน้นความเข้าใจมากกว่าท่องจำ (เหอๆ แต่จะเข้าใจได้ก็ต้องจำก่อนอยู่ดี) วิชานี้จะเกี่ยวกับการทำงานของแต่ละระบบต่างๆในร่างกายว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร
EMBRYOLOGY วิชาว่าด้วยการเจริญเติบโตของตัวอ่อนตั้งแต่ก่อนปฏิสนธิ จนกระทั่งคลอด เป็นวิชาที่ไม่ยากเกินไปนักถ้าน้องมีจินตนาการอันสูงสง + หน่วยความจำขนาดใหญ่--->ใหญ่มาก เพราะน้องๆจะต้องจำชื่อมากมาย วิชานี้มันส์มากต้องเข้าใจว่าอะไรม้วนไปบิดไปเป็นอวัยวะอะไร ทางที่ดีพกดินน้ำมันเข้าไปอาจช่วยให้เข้าใจอะไรมากขึ้น หรือแย่หนักกว่าเดิม
PHARMACOLOGY ศึกษาเกี่ยวกับยาที่ใช้รักษาโรคต่างๆ ยาแต่ละตัวแต่ละกลุ่มมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆกันไป ทำให้คนป่วยเหมือนกันอาจได้รับยาต่างกันได้ เป็นอีกวิชาหนึ่งที่ต้องอาศัยความจำ และ สมาธิในการอ่านมาก
GENETICS วิชานี้ไม่ต้องนิยามอะไรมากวิชาพันธุศาสตร์นั้นเอง ก็จะเรียนเกี่ยวกับ gene chromosome โรคทางพันธุกรรมต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย
PATHOLOGY เรียนเรื่องโรคต่างๆสารพัดโรค มากมายก่ายกอง กลไกการเกิดโรค เมื่อเกิดโรคแล้วจะเกิดความผิดปกติอะไรบ้าง?? การรักษาทำอย่างไร อันนี้ต้องอาศัยวิชา Human Anatomy And Physiology เข้ามาเป็นผู้ช่วยในการเรียน
NEUROANATOMY เป็นวิชาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับระบบประสาทของร่างกาย โดยจะเน้นศึกษาระบบประสาทส่วนกลาง อันได้แก่ สมอง และไขสันหลัง
การเรียนช่วงที่สองก็คือ
ช่วงคลีนิก ปี4-5-6 การเรียนการสอนจะทำในโรงพยาบาล อันนี้คือของจริงแล้วละคราบน้องๆ คราวนี้น้องจะได้นำความรู้ที่เรียมมาใช้กับคนไข้จริงๆ จากที่เดิมเรียนแต่ทฤษฎี มาลองเจอภาคปฏิบัติดูมั่ง น้องๆจะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นไม่ใช่ต่อตัวเองเท่านั้นต่อคนไข้ที่อยู่ในความดูแลของเราด้วย เพราะ คนไข้ก็คือครูของเรานั้นเอง
ฝากคำพูดซึ้งๆไว้หน่อย^^
แพทย์เป็นผู้ที่รักษาคนไข้ ไม่ใช่รักษาโรคเพียงอย่างเดียว I Don\'t want you to be only....a Doctor... but.... I also want you to be a man too... ********************************************************************************************************************
Q: ขอบคุณพี่มากค่ะ หนูเข้าใจขึ้นเยอะเลย แต่หนูยังมีข้อสงสัยอยู่อีกค่ะ พี่ค่ะ แล้วแพทย์ มศว มีการเรียนการสอนยังไงเหรอค่ะ? GoDGiLaคุง: อ้อ ครับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แบ่งการเรียนการสอนออกเป็น 17 ภาควิชา
1.ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ 10.ภาควิชารังสีวิทยา
2.ภาควิชาชีวเคมี 11.ภาควิชาวิสัญญีวิทยา
3.ภาควิชาสรีรวิทยา 12.ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
4.ภาควิชาเภสัชวิทยา 13.ภาควิชาศัลยศาสตร์
5.ภาควิชาพยาธิวิทยา 14.ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชศาสตร์
6.ภาควิชาจุลชีววิทยา 15.ภาควิชาอายุรศาสตร์
7.ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ 16.ภาควิชาออร์โธปิดิกส์
8.ภาควิชาจักษุ โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา 17.ภาควิชานิติเวชศาสตร์
9.ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
โดยภาควิชา1-6 ก็คือการเรียนชั้นพลีคลีนิกจะอยู่ที่ มศว ประสานมิตร ภาค 7-16 การเรียนชั้นคลีนิก อยู่ที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ มศว องค์รักษ์ ส่วนภาควิชาที่ 17 อยู่ที่สถาบันนิติเวชศาสตร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในชั้นปีที่ 5-6 นิสิตแพทย์ต้องออกรอบรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลที่โคกับคณะคือ โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลโรงงานยาสูบ แล้วก็วชิระ
**************************************************************************************************************
Q: พี่แบงค์ค่ะ ขออีกสักคำถามน้า.. หมอนั้นทั้งเหนื่อยทั้งเรียนหนัก แถมเรียนนานอีกตั้ง 6 ปี แล้วพี่ไม่ท้อเหรอค่ะ ? GoDGiLaคุง:ก็หลวมตัวเรียนมาถึงขั้นนี้แล้วก็...... เห้ยๆไม่ช่าย ก็ในเมื่อพี่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกเดินมายังเส้นทางสายนี้แล้ว พี่ก็ต้องทำให้สำเร็จให้จงได้^^ ขอเพียงมีความพยายาม + ตั้งใจ + อดทน แล้วก็จะพบกับความสำเร็จที่หวังไว้คร้าบบบดั่งกลอน
กล้วยไม้ออกดอกช้า ฉันใด การศึกษาเป็นไป ฉันนั้น แต่ออกดอกคราวใด งามเด่น การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้ว แสนงาม ม.ล. ปิ่น มาลากุล
************************************************************************************************************
Q:พี่ค่ะ คือหนูอยากจะทราบคะแนนคณะแพทย์ มศว เท่าไหรเหรอค่ะและพี่พอจะแนะนำน้องๆที่อยากเรียนแพทย์แต่เรียนมะค่อยเก่งได้ไหมค่ะว่ามีมหาวิทยาลัยไหยบ้างที่คะแนนไม่สูงจนเกินไป.......ตอบด้วยนะค่ะ GoDGiLaคุง:ก็จุฬา ศิริราช พระมงกุฎ เขารับตรงนะ ยื่นคะแนนก็จะเหลือแค่
- รามา 570.12
- วชิร559.97
- มธ 535.89
- มช 532.67
- มศว531.40
- มข 525.29
- มอ 513.42
นี่คือคะแนนต่ำสุดปีล่าสุดนะ ถ้าไม่ได้จริงๆแล้วอยากเรียนแพทย์มากๆ ก็ยังมีแพทย์รังสิตอีก แต่เป้นของเอกชนนะ เรียนที่นี่งบต้องหนาหน่อย
มีครายอยากถามหรือปรึกษาอะไรเกี่ยวกะแพทย์ มศว ก็ถามได้น้า..คราบ ปรึกษาปัญหาหัวใจก็ได้ ไม่ว่ากัน อิอิ ^^ ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
PS รอบ 2 ตอนนี้พี่แต่งนิยาย เรื่อง
เมื่อดอกรักผลิบาน สานฝันหัวใจเขาและเธอ ^^ อธิบายเรื่อง
เรื่องราวความรักที่ถูกถ่ายทอดมาจากสถานที่จริงคือ มศว องค์รักษ์ นอกจากจะได้ความสนุกแล้ว ยังได้เห็นบรรยากาศมหาลัย+สถานที่ต่างๆใน มศว องค์รักษ์ คร่าวๆด้วยนะจาบอกให้คราบ
http://www.dek-d.com/entertain/view.php?id=62255 อยากอ่านนิยายรักฝีมือหมอ ก็ลองมาแวะเวียนมาติชมกันได้ครับ ^^
c(^_^)*GoDGiLaคุง
MeD SWU 20
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น